ของชายชาญ อาษาพล น่าฟังอธิบายเข้า ลองฟังดูนะเพื่อนๆ
4204-2007 เทคโนโลยีสำหรับการบริหารจัดการความรู้ (Technoligy for Knowledge Management)
วันเสาร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
วันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
ประเภทของความรู้
(นฤมล พฤกษศิลป และ พัชรา หาญเจริญกิจ, 2543 : 61-62) แบงความรูออกเปนหลายประเภทดังนี้
- ความรูกอนประสบการณ (Priori knowledge) คือ ความรูที่ไมตองอาศัยประสบการณ
- ความรูหลังประสบการณ (Posteriori knowledge) คือ ความรูที่เกิดหลังจากที่มีประสบการณแลว
- ความรูโดยประจักษ (Knowledge by Acquaintance) คือ ความรูที่เกิดจากสิ่งที่ถูกรู ซึ่งปรากฏโดยตรงตอผูรูผานทางหู ตา จมูก ลิ้น หรือ กาย
- ความรูโดยบอกกลาว (Knowledge by Description) คือ ความรูที่เกิดจากคําบอกเลา
- ความรูเชิงประจักษ หรือความรูเชิงประสบการณ (Expirical knowledge) คือ ความรูที่ได้จากประสบการณ หรือความรูหลังประสบการณ์
- ความรูโดยตรง (Immediate knowledge) คือ ความรูที่ไดรับโดยสัมผัสทั้ง 6 คือ เห็น ไดยิน กลิ่น รส สัมผัส และรับรูทางใจ
- ความรูเชิงปรวิสัย หรือ ความรูเชิงวัตถุวิสัย (Objective knowledge) คือ ความรูที่เกิดจากเหตุผลหรือประสบการณที่สามารถอธิบาย หรือทดสอบใหผูอื่นรับรูไดอยางที่ตน
- ความรูเชิงอัตวิสัย หรือความรูเชิงจิตวิสัย (Subjective knowledge) คือ ความรูที่เกิดจากการประสบดวยตนเอง และตนไมสามารถอธิบายได หรือทดสอบใหผูอื่นรับรูได้
(Tiwana, 2000 : 67) แบงประเภทของความรูไว ดังนี้
- ความรูภายนอก เปนความรูที่ไดจากการแสดงความคิดเห็น ความเชื่อของบุคคลในการทํางาน
- ความรูจากแหลงความรูตางๆ เปนความรูที่มาจากแหลงความรูอื่นๆ ภายนอกตัวบุคคล และแหลงความรูตางๆ
- ความรูที่ไมอยูเฉพาะที่ เปนความรูที่เปนอิสระ สามารถถายทอดไดจากบุคคลไปสูองคกร หรือจาก องคกรไปสูองคกร
การบริหารจัดการความรู Knowledge Management (KM)
การบริหารจัดการความรู Knowledge Management (KM)
ปจจุบันเปนสังคมแหงการเรียนรู แหลงความรูมีอยูมากมาย และกระจัดกระจายอยูในหลายรูปแบบ ความรูเปนผลผลิตของสารสนเทศ ซึ่งประกอบดวย ขอเท็จจริง ความคิดเห็น ทฤษฎี หลักการ และกรอบ แนวคิดตาง ๆ รวมถึงทักษะ และประสบการณของแตละบุคคล ซึ่งเราใชเพื่อการตัดสินใจ การดําเนินชีวิต ของมนุษย ชีวิตสวนตัว หรือ การทํางานในองคกรตองใชความรูเปนเครื่องมือชวยในการตัดสินใจในเรื่อง ตางๆ ดังนั้นจึงเกิดแนวคิดวาเราจะทําอยางไรเราจึงจะสามารถใชความรูที่เรามีอยูใหเกิดประโยชนสูงสุด
Knowledge Management เกิดจากขอมูลขาวสารตาง ๆ ที่เกิดขึ้นอยางมากมาย ทําใหองคกรตาง ๆ มี ขอมูลจัดเก็บอยูจํานวนมาก และเกิดความตองการที่จะจัดใหอยูอยางเปนระเบียบ เขาถึงงาย ทันตอการ นําไปใชงาน
ความหมายของความรู้
Tiwana (2000, 5) ความรู หมายถึง สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไดโดยประสบการณ และสามารถถูก ประยุกตใชไดโดยบุคคล
ดาเวนพอรท (2542, 8) ความรู คือ กรอบของการประสมประสานระหวางประสบการณ คานิยม ความรอบรูในบริบท และความรูแจงอยางช่ําชอง เปนการประสมประสานที่ใหกรอบสําหรับ การ ประเมินคา และการนําเอาประสบการณกับสารสนเทศใหม ๆ มาผสมรวมเขาดวยกัน มันเกิดขึ้นและถูก นําไปประยุกตในใจของคนที่รู สําหรับในแงขององคกรนั้น ความรูมักจะสั่งสมอยูในรูปของเอกสาร หรือ แฟมเก็บเอกสารตาง ๆ รวมถึงสั่งสมอยูในการทํางาน อยูในกระบวนการ อยูในการปฏิบัติงานและอยูใน บรรทัดฐานขององคกรนั่นเอง
ศรันย ชูเกียรติ (2541, 14) องคความรู หมายถึง ความรูในการทําบางสิ่งบางอยาง (Know how หรือ how to ) ที่เปนไปอยางมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่กิจกรรมอื่น ๆ ไมสามารถกระทําได ซึ่งปจจุบันองคความรูถือเปนทรัพยสินทางปญญาที่มีความสําคัญตอกิจการมากเนื่องจากเปนที่มาของการกอกําเนิด กําไรในธุรกิจและเปนเครื่องมือที่สําคัญในการสรางความไดเปรียบทางการแขงขันรวมถึงทําใหธุรกิจ
สามารถดํารงอยูไดในระยะยาว
สรุป ความรู คือ สิ่งที่ใชอธิบายสิ่งตาง ๆ ที่พบเห็นไดอยางมีเหตุผล โดยอาศัยขอมูล ทักษะ และ ประสบการณที่มีอยูเปนสวนสนับสนุนการตัดสินใจ
วันอังคารที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
ความรู้
ความรู้คือสิ่งที่สั่งสมมาจากการศึกษาเล่าเรียน การค้นคว้าหรือประสบการณ์
รวมทั้งความสามารถเชิงปฏิบัติและทักษะความเข้าใจ
หรือสารสนเทศที่ได้รับมาจากประสบการณ์ สิ่งที่ได้รับมาจากการได้ยิน ได้ฟัง
การคิดหรือการปฏิบัติองค์วิชาในแต่ละสาขา
ซึ่งในความคิดของผู้นั้นคิดว่า นิยามของคำว่า
ความรู้ นั้นเป็นสิ่งที่ยากที่จะกำหนดขอบเขตของความหมาย แต่ถ้าเราเริ่มจากคำว่า
"ข้อมูล" หรือ "ข้อเท็จจริง" สิ่งที่ได้คือความจริงต่าง ๆ
ที่ปรากฏเกิดขึ้น การดำเนินการต่าง ๆ ทำให้เกิดข้อมูล เช่น
เมื่อเรามีการซื้อขายสินค้า ก็มีการจดบันทึกหลักฐาน เช่น การออกใบเสร็จ ใบสั่งของ
เอกสารกำกับ เป็นรายการแสดงการดำเนินการ สิ่งเหล่านี้เรียกว่าข้อมูล ข้อมูลจึงเป็นเรื่องของข้อเท็จจริงที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์
เกิดจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เกิดจากกิจกรรมต่าง ๆ
ที่ต้องดำเนินการทั้งในระดับส่วนตัว ระดับการทำงานร่วมกัน และระดับกลุ่ม องค์กร
ตลอดจนระดับสังคม และชุมชนต่าง ๆ และความรู้นั้นก็มีอยู่
2 ชนิด คือ
1. ความรู้ที่ฝังอยู่ในสมอง ( Tacit
Knowledge ) อาจเรียกง่ายๆ ว่า ความรู้ในตัวคน ได้แก่
ความรู้ที่เป็นทักษะ ประสบการณ์ ความคิดริเริ่ม พรสวรรค์ หรือสัญชาติญาณของบุคคลในการทำความเข้าใจ สิ่งต่างๆ บางครั้งเรียกว่าความรู้แบบนามธรรม
2. ความรู้ที่ชัดแจ้ง
( Explicit Knowledge ) อาจเรียกว่าความรู้นอกตัวคน
เป็นความรู้ที่สามารถรวบรวม ถ่ายทอดได้ โดยผ่านวิธีต่างๆ
เช่นการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร เป็นหนังสือ ตำราเอกสาร กฎระเบียบ วิธีปฏิบัติงาน
เป็นต้น บางครั้งเรียกว่าเป็นความรู้แบบรูปธรรม
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)